( 1 ) สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง
จงเปรียบเทียบ
ตอบ
1.1
สายคู่บิดเกลียว (twisted pair) ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก
2 เส้นพันบิดเป็นเกลียว เพื่อลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากคู่สายข้างเคียงภายในเคเบิลเดียวกันหรือจากภายนอก
เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวนี้ยอมให้สัญญาณไฟฟ้าความถี่สูงผ่านได้
สำหรับอัตราการส่งข้อมูลผ่านสายคู่บิดเกลียวจะขึ้นอยู่กับความหนาของสาย คือ สายทองแดงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง จะสามารถส่งสัญญาณไฟฟ้ากำลังแรงได้
ทำให้สามารถส่งข้อมูลด้วยอัตราส่งสูง โดยทั่วไปแล้วสำหรับการส่งข้อมูลแบบดิจิทัล
สัญญาณที่ส่งเป็นลักษณะคลื่นสี่เหลี่ยม
สายคู่บิดเกลียวสามารถใช้ส่งข้อมูลได้ถึงร้อยเมกะบิตต่อวินาที ในระยะทางไม่เกินร้อยเมตร เนื่องจากสายคู่บิดเกลียว มีราคาไม่แพงมาก
ใช้ส่งข้อมูลได้ดี จึงมีการใช้งานอย่างกว้างขวาง ตัวอย่างเช่น
- สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน (Shielded
Twisted Pair : STP) เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอกที่หนาอีกชั้นเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ข้อดีและข้อเสียของสายคู่ตีเกลียว
ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา
ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจำกัด
ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา
ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจำกัด
1.2 สายโคแอกเชียล (coaxial)
เป็นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากาศ
สายโคแอกเชียลที่ใช้ทั่วไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทัล และชนิด 75 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลสัญญาณแอนะล็อก
สายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นที่หุ้มด้วยฉนวนชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันกระแสไฟรั่ว
จากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงถักเป็นเปียเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ
ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติก ลวดทองแดงที่ถักเป็นเปียนี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่สัญญาณไฟฟ้าสามารถผ่านได้สูงมาก
และนิยมใช้เป็นช่องสื่อสารสัญญาณอนาล็อกเชื่องโยงผ่านใต้ทะเลและใต้ดิน
ข้อดีและข้อเสียของสายโคแอกเชียล
ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา
ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจำกัด
ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา
ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจำกัด
1.3 เส้นใยนำแสง (fiber optic) มีแกนกลางของสายซึ่งประกอบด้วยเส้นใยแก้วหรือพลาสติกขนาดเล็กหลายๆ
เส้นอยู่รวมกัน เส้นใยแต่ละเส้นมีขนาดเล็ดเท่าเส้นผมและภายในกลวง และเส้นใยเหล่านั้นได้รับการห่อหุ้มด้วยเส้นใยอีกชนิดหนึ่งก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวน
การส่งข้อมูลผ่านทางสื่อกลางชนิดนี้จะแตกต่างจากชนิดอื่นๆ
ซึ่งใช้สัญญาณไฟฟ้าในการส่ง
แต่การทำงานของสื่อกลางชนิดนี้จะใช้เลเซอร์วิ่งผ่านช่องกลวงของเส้นใยแต่ละเส้นและอาศัยหลักการหักเหของแสงโดยใช้ใยแก้วชั้นนอกเป็นกระจกสะท้อนแสง
การให้แสงเคลื่อนที่ไปในท่อแก้วสามารถส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแน่นของสัญญาณข้อมูลสูงมากและไม่มีการก่อกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ปัจจุบันถ้าใช้เส้นใยนำแสงกับระบบอีเทอร์เน็ตจะใช้ได้ด้วยความเร็วหลายร้อยเมกะบิต และเนื่องจากความสามรถในการส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแน่นสูง
ทำให้สามารถส่งข้อมูลทั้งตัวอักษร เสียง ภาพกราฟิก หรือวีดิทัศน์ได้ในเวลาเดียวกัน
อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการส่งสูง
แต่อย่างไรก็มีข้อเสียเนื่องจากการบิดงอสายสัญญาณจะทำให้เส้นใยหัก
จึงไม่สามาถใช้สื่อกลางนี้ในการเดินทางตามมุมตึกได้
เส้นใยนำแสงมีลักษณะพิเศษที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงแบบจุดไปจุด
จึงเหมาะที่จะใช้กับการเชื่อมโยงระหว่างอาคารกับอาคารหรือระหว่างเมืองกับเมือง
เส้นใยนำแสงจึงถูกนำไปใช้เป็นสายแกนหลัก
ข้อดีข้อเสียของสายใยแก้วนำแสง
ข้อดี
1. ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
2. ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า
3. ส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก
ข้อเสีย
1. มีราคาแพงกว่าสายส่งข้อมูลแบบสายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
2. ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
3. มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่า สายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
1. ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
2. ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า
3. ส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก
ข้อเสีย
1. มีราคาแพงกว่าสายส่งข้อมูลแบบสายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
2. ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
3. มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่า สายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
( 2 ) การนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรมีประโยชน์อย่างไร
ตอบ
1)
การใช้งานพร้อมกัน หมายถึง
ระบบเครือข่ายจะอนุญาตให้ผู้ใช้หลายๆ คนใช้โปรแกรมและข้อมูลต่างๆ
ได้ในเวลาเดียวกันในระบบธุรกิจ
งานบางอย่างต้องให้พนักงานหลายๆ คนใช้ข้อมูลได้พร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น
รายงานสรุปยอดขายของบริษัทประจำไตรมาส
ซึ่งจะต้องถูกเรียกดูและแก้ไขจากผู้จัดการหลายๆ คน
ถ้าในระบบธุรกิจนั้นไม่มีระบบเครือข่ายแล้ว
เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะต้องแยกเก็บข้อมูลไว้ใช้
ดังนั้นถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง
ข้อมูลที่เครื่องอื่นๆ จะไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เพราะฉะนั้นข้อมูลแต่ละเครื่องจะไม่สอดคล้องกันระบบธุรกิจจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยการเก็บข้อมูลที่อนุญาตให้ผู้ใช้มากกว่าหนึ่งคนเข้าถึงข้อมูลได้ไว้ที่เน็ตเวิร์กเซิร์ฟเวอร์
(Network
Server) ซึ่งเครื่องกลางนี้ต้องมีหน่วยความจำสำรองขนาดใหญ่และแหล่งข้อมูลอื่นๆ
ที่ผู้ใช้สามารถใช้ร่วมกันได้ถ้าพนักงานส่วนมากมีการใช้งานโปรแกรมเดียวกัน
ทำให้มีการใช้งานไฟล์ข้อมูลเดิมหลายๆ
ครั้ง ในสภาพแวดล้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ไม่มีระบบเครือข่าย
จะต้องมีการสำเนาและติดตั้งโปรแกรมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
ซึ่งการติดตั้งโปรแกรมทีละเครื่องมีค่าใช้จ่ายมาจาก 2 อย่าง
คือ ซอฟต์แวร์มีราคาแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องซื้อซอฟต์แวร์หลายชุด และการติดตั้งและกำหนดค่าต่างๆ
ของโปรแกรมในเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องเสียเวลาและแรงงานมาก
รวมถึงการบำรุงรักษาโปรแกรมแต่ละเครื่องจะมีค่าใช้จ่ายที่เติมขึ้น
ซึ่งมีสองแนวทางแก้ไข คือ
(1)
การซื้อโปรแกรมประยุกต์แบบไซต์ไลเซนต์ (Site Licenses)
การซื้อโปรแกรมประยุกต์แบบไซต์ไลเซนต์
(Site
Licenses) หมายถึง การซื้อโปรแกรมประยุกต์เพียงสำเนาชุดเดียว (หรือ 2-3 ชุด)
และเสียค่าใช้จ่ายไลเซนต์ในการทำสำเนาไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
ตามจำนวนที่ระบุไว้ในไลเซนต์
เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมีโปรแกรมอยู่ที่เครื่องและทำงานบนแต่ละเครื่องเหมือนกับการซื้อโปรแกรมสำหรับแต่ละเครื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า
(2)
การซื้อโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครือข่าย
(Network
Version)
การซื้อโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครือข่าย
เป็นการซื้อโปรแกรมที่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครือข่ายเพียงชุดเดียวติดตั้งบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์เน็ตเวิร์ก
เมื่อผู้ใช้ต้องการใช้โปรแกรม ผู้ใช้จะทำการโหลดโปรแกรมจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไปยังหน่วยความจำหลักบนเครื่องตนเอง และผู้ใช้จะใช้งานร่วมกันได้
2)
การใช้อุปกรณ์รอบข้างร่วมกัน หมายถึง
ระบบเครือข่ายจะอนุญาตให้ผู้ใช้หลายๆ คน ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้
เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนเนอร์
เป็นต้นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัททางธุรกิจมีการติดตั้งระบบเครือข่าย คือ
อุปกรณ์บางชนิดมีราคาแพง เช่น เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ เป็นต้น
ถึงแม้ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ทีราคากว่การติดตั้งระบบเครือข่าย
แต่ถือว่ามีราคาสูงเกินไปถ้าต้องจัดเตรียมเครื่องพิมพ์ให้พนักงานทุกคน
นอกจากค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องแล้ว
ยังมีค่าบำรุงรักษาที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตาม
แต่ถ้าใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกันในระบบเครือข่ายแล้ว
ค่าใช้จ่ายจะถูกลงและการดูแลรักษาก็ง่ายขึ้น
3)
การสื่อสารส่วนบุคคล หมายถึง ระบบเครือข่ายสามารถทำให้ผู้ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น
แอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการสื่อสารที่เป็นที่นิยมก็คือ
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail หรือ e-mail)
เป็นระบบที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อความผ่านระบบเครือข่าย
อีเมล์เหมือนกับเป็นการรวมการทำงานของระบบไปรษณีย์กับระบบตอบรับโทรศัพท์การรับส่งอีเมล์ผ่านเครือข่ายในบริษัทต่างๆ
ก็เหมือนกับการรับส่งอีเมล์ในระบบอินเทอร์เน็ต
ปกติแล้วระบบเครือข่ายภายในบริษัทต่างๆ จะเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต
ดังนั้นพนักงานภายในบริษัทสามารถส่งและรับข้อความจากระบบเครือข่ายหรือระบบอินเทอร์เน็ตก็ได้นอกจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แล้วยังมีเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยม
คือ การประชุมทางไกล (teleconferencing) และการประชุมด้วยวิดีทัศน์
(videoconferencing) การประชุมระยะไกล
เป็นการประชุมเสมือนที่แต่ละผู้ประชุมที่อยู่คนละที่กัน
สามารถที่จะโต้ตอบแสดงความคิดเห็นกัน โดยการพิมพ์ข้อความถึงกันโดยแต่ละข้อความ
ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนสามารถอ่านได้
โปรแกรมการประชุมระยะไกลมีการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น
เมื่อมีการเพิ่มความสามารถในการใช้กระดาษโน้ตในการวาดไดอะแกรมหรือภาพต่างๆ ร่วมกัน
เทคโนโลยีระบบเครือข่ายส่งเสริมให้ซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกันได้รับความนิยมมากขึ้น
เพราะซอฟต์แวร์ประเภทนี้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่านเครือข่ายหรือผ่านโมเด็ม
และสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้
นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ยังใช้ในการส่งข้อความและเปลี่ยนไฟล์
และบางครั้งสามารถให้ผู้ใช้หลายคนทำงานบนเอกสารเดียวกันในเวลาเดียวกันได้
ถ้าผู้ใช้มีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็น
(เช่น กล้องวิดีโอ ไมโครโฟน และลำโพง) และซอฟต์แวร์
ผู้ใช้สามารถมองเห็นและพูดคุยกับคนอื่นที่เจอกันขณะออนไลน์ได้แทนที่จะเห็นเพียงข้อความอย่างเดียว
หรือ การประชุมด้วยวิดีทัศน์
4)
การสำรองข้อมูลที่ง่ายขึ้น หมายถึง
ระบบเครือข่ายสามารถทำให้ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบสำรองข้อมูลที่สำคัญได้ง่าย
ข้อมูลในระบบธุรกิจมีค่ามาก
ดังนั้นพนักงานต้องทำการสำรองข้อมูลไว้ ทางหนึ่งที่แน่ใจว่าข้อมูลถูกสำรองไว้ก็คือเก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยความจำสำรองที่ผู้ใช้สามารถติดต่อโดยผ่านระบบเครือข่ายได้
ปกติแล้วผู้จัดการระบบเครือข่ายจะทำหน้าที่ในการสำรองข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย
ดังนั้นจึงต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสำรองข้อมูลที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ของพนักงาน
โดยไม่ต้องไปทำงานกับเครื่องแต่ละเครื่องที่ต้องการสำรองข้อมูลแต่อย่างใด
ด้วยวิธีนี้จึงไม่ต้องมีการสำเนาไฟล์พนักงานมาไว้ที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่อนทำการสำรองข้อมูล
( 3 ) หากนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรนักศึกษาจะเลือกรูปแบบของระบบเครือข่าย(LAN
Topology)แบบใดเพราะอะไร
ตอบ โทโปโลยีแบบ STAR wire Ring เป็นการนำเอาข้อดีของโทโปโลยีแบบ
STAR และแบบ Ring มารวมกันเพื่อแก้ไขข้อเสียของทั้ง
2 แบบด้วย เครือข่ายแบบ STAR wire Ring โดยอาศัยรูปแบบการเชื่อมโยงแบบ Ring ทำให้สายสื่อสารสามารถเชื่อมโยงเข้ากับทุก
ๆ โหมด ของเครือข่ายและเป็นการประหยัดสายสื่อสารด้วย การเชื่อมโยงของแต่ละคู่โหมดการสื่อสารจะถูกโยงเข้าสู่ศูนย์
กลางของเครือข่ายซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกับศูนย์กลางของเครือข่ายแบบ STAR ทำให้การสื่อสารทั้งหมดทั้ง
ภายในและภายนอกเครือข่ายอยู่ในการควบคุมของศูนย์กลางเครือข่าย
ข้อดีของเครือข่ายแบบ STAR wire Ring มีด้วยกันหลายข้อคือ
1. สามารถติดต่อสื่อสารได้ 2 ทิศทางแทนที่จะเป็นทิศทางเดียวตามแบบ Ring
2. ประหยัดสื่อสารเพราะใช้ลักษณะการเชื่อมโยงแบบ Ring
3. มีศูนย์กลางเครือข่ายเป็นตัวควบคุมการติดต่อสื่อสารข้อมูลทั้งภายในและภายนอกเครือข่าย และสามารถเลือกติดต่อได้ครั้งละหลาย ๆ โหมด ซึ่งเรียกลักษณะการทำงานเช่นนี้ว่า Multi-station Access Unitหรือ MAU ซึ่งเครือข่ายแบบ STAR อย่างเดียวไม่สามารถทำได้
4. สามารถเลือกปิดสวิตซ์ หรือเส้นทางเข้าสู่โหมดใดโหมดหนึ่งได้ ทำให้ประหยัดเวลาที่จะต้องสูญ เสียไปกับการทำงานของรีพีตเตอร์ของโหมดนั้น ๆ ทำให้การสื่อสารข้อมูลเร็วขึ้นกว่าสายสื่อสารในเครือข่าย แบบ Ring อย่างเดียว
5. ในกรณีที่โหมดใดโหมดหนึ่งเกิดความเสียหาย สวิตซ์เปิด/ปิดของโหมดนั้น ๆ จะทำการตัดวงจร ของโหมดนั้นออกจากเครือข่าย และจะเชื่อมโยงสายสื่อสารข้ามไปยังโหมดต่อไปในลักษณะที่เรียกว่า การ Bypass ทำให้สายสื่อสารของวงแหวนไม่ขาดออก
( 4 ) อินเทอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
ข้อดีของเครือข่ายแบบ STAR wire Ring มีด้วยกันหลายข้อคือ
1. สามารถติดต่อสื่อสารได้ 2 ทิศทางแทนที่จะเป็นทิศทางเดียวตามแบบ Ring
2. ประหยัดสื่อสารเพราะใช้ลักษณะการเชื่อมโยงแบบ Ring
3. มีศูนย์กลางเครือข่ายเป็นตัวควบคุมการติดต่อสื่อสารข้อมูลทั้งภายในและภายนอกเครือข่าย และสามารถเลือกติดต่อได้ครั้งละหลาย ๆ โหมด ซึ่งเรียกลักษณะการทำงานเช่นนี้ว่า Multi-station Access Unitหรือ MAU ซึ่งเครือข่ายแบบ STAR อย่างเดียวไม่สามารถทำได้
4. สามารถเลือกปิดสวิตซ์ หรือเส้นทางเข้าสู่โหมดใดโหมดหนึ่งได้ ทำให้ประหยัดเวลาที่จะต้องสูญ เสียไปกับการทำงานของรีพีตเตอร์ของโหมดนั้น ๆ ทำให้การสื่อสารข้อมูลเร็วขึ้นกว่าสายสื่อสารในเครือข่าย แบบ Ring อย่างเดียว
5. ในกรณีที่โหมดใดโหมดหนึ่งเกิดความเสียหาย สวิตซ์เปิด/ปิดของโหมดนั้น ๆ จะทำการตัดวงจร ของโหมดนั้นออกจากเครือข่าย และจะเชื่อมโยงสายสื่อสารข้ามไปยังโหมดต่อไปในลักษณะที่เรียกว่า การ Bypass ทำให้สายสื่อสารของวงแหวนไม่ขาดออก
( 4 ) อินเทอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
ตอบ
- สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ
ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
- นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น
- ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
- นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น